ถ้าคุณตามใจทุกคน สุดท้ายทุกคนก็จะไม่ติดตามคุณ

ผู้นำต้องมีค่านิยมชัดเจน และกล้าที่จะแสดง ประกาศ จุดยืน โดยเฉพาะผู้นำที่เป็นคริสตชน เพราะ เป็นการไม่แฟร์เลย หากท่านคลุมเครือในค่านิยม และเอาใจทุก ๆ คนเพื่อจะให้ผู้คนติดตามท่าน โดยไม่มั่นใจ หรือเข้าใจผิดว่าท่านมีค่านิยม ความเชื่อ จริยธรรมระดับไหน

หากท่านไม่แสดงตัวตน ความเชื่อ ค่านิยม หรือสิ่งที่ท่านเป็น ซึ่งจะนำไปสู่สิ่งที่ท่านกระทำ วันหนึ่งสิ่งนั้นก็จะปรากฏออกมา และผู้ตามหลายคนจะผิดหวัง เพราะพวกเขาเคยคิดว่า หรือเคยเชื่อว่า ท่านเป็น ท่านเชื่อแบบนี้ แต่สุดท้ายมันไม่ใช่

ด้วยเหตุนี้เอง ผู้นำที่ไม่แสดงจุดยืนด้านจริยธรรม และด้านค่านิยม ก็เป็นการเอาเปรียบผู้ตามเป็นอย่างมาก เพราะท่านพยายามเอาใจ ประนีประนอม ทำให้ผู้ตามที่อาจเชื่อ หรือมีค่านิยมต่างกับท่าน หรือเชื่อไม่เหมือนท่าน เข้าใจผิดว่าท่านมีค่านิยมและจุดยืนเหมือนเขา และเขาเป็นเหมือนท่าน พวกเขาจึงติดตามท่าน แต่สุดท้ายเวลาผ่านไป สองฝ่ายเสียเวลา ประนีประนอม แต่ไม่ได้เริ่มงาน เริ่มสร้างสรรค์อะไรที่ดีหรือเกิดผลเด่นชัด เพราะสองฝ่ายมีค่านิยมต่างกัน

หากผู้นำประกาศจุดยืน ค่านิยม หลักการชัดเจน จะเป็นความยุติธรรมสำหรับผู้ตาม เพราะเมื่อท่าน กล้าประกาศ ผู้ตามบางคนที่รู้ว่าวิถีนี้ไม่ใช่ค่านิยมและจุดยืนของเขา ทำให้พวกเขาได้มีโอกาสที่จะเลือก หรือย้ายไปร่วมงานกับผู้นำท่านอื่น และศักยภาพของเขา ความคิดสร้างสรรค์ และโอกาสก็จะเป็นของเขา เพราะเขาเหมือนกับรถไฟที่ไปเจอรางของมัน จะวิ่งได้ดีกว่าวิ่งบนถนน ซึ่งไม่ใช่วิถีของรถไฟ หรือเสมือน ปลาน้ำจืดที่ไม่ต้องไปอยู่ในน้ำทะเลที่เค็มจะทำให้ชีวิตของเขาไม่ได้ปลดปล่อยศักยภาพเต็มที่ครับ
ผู้นำศตวรรษที่ 20 มักจะเป็นผู้จัดการภายในตัว

ครั้งที่แล้วผมได้พูดถึงเรื่องผู้นำกับผู้จัดการแตกต่างกันอย่างไร เพราะเราจะได้รู้ถึงธรรมชาติคนทั้งสองประเภทนี้ว่าผู้นำมักมีไอเดียรายวัน หรือรายเดือน มองภาพกว้าง ใหญ่ แต่ผู้จัดการเขาสามารถ แยกแยะ จัดลำดับความสำคัญ เอาไอเดียของผู้นำมาจัดการเป็นระบบหมวดหมู่ ลำดับตามความสำคัญได้เป็นอย่างดี

แต่ผู้นำในศตวรรษ ที่ 20 ต่างกับผู้นำยุคก่อนแล้ว ที่จะมานั่งในห้องประชุม หรือโทรบอกผู้จัดการ ให้พิมพ์จดหมาย ร่างจดหมาย โทรหาคนนั้นคนนี้ ไปวางแผนมาส่ง หรือจะทำอะไรก็ต้องเรียกผู้จัดการคนนั้นมาทำให้หมด ผลก็คือหากขาดผู้จัดการ ผู้นำคนนี้เหมือนเป็นง่อยไปเลยนะครับ

ปัจจุบันผู้นำที่โดดเด่นมักจะเป็นผู้จัดการกึ่ง ๆ ภายในตัว พร้อมกับโน้ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์หนึ่งตัว เขาไม่ต้องเรียกเลขามาชงกาแฟให้ และไปร่างจดหมาย พิมพ์จดหมายให้แล้ว มันล้าสมัยแล้วครับ

เพราะผู้นำในปัจจุบันหลายคน เขามีไอเดีย ขณะนั้นเขาอาจนั่งที่ร้านกาแฟ ซึ่งปัจจุบันก็สามารถเชื่อมต่อ wi fi หรือ อินเตอร์เน็ตได้ สั่งกาแฟมากิน พร้อมกับเช็คเมล์เอง ส่งเอง ตอบเองได้ทันที และที่ต้องการรายละเอียดในการปฎิบัติการรองต่อมา ค่อยให้ผู้จัดการนำไปทำต่อให้สำเร็จ

หรืออีกภาพหนึ่ง สมัยก่อนผู้นำต้องร่างเอกสารหรือให้ผู้จัดการค้นหาข้อมูลโทรติดต่อ สมัยนี้ผู้นำสามารถค้นหาข้อมูลดิบเองทางเว็บไซด์ เพราะร้าน บริษัทในปัจจุบันสามารถโอนเงิน จ่ายเงินได้หมด จะสมัครวีซ่าไปอเมริกา ก็สามารถดาวน์โหลดทางเว็บไซต์ เรื่องพวกนี้ผู้นำเขาทำกันได้ทุกที่ ทันที แม้ไปพักผ่อนที่ชะอำ หัวหิน

หากวันนี้ท่านหวังแค่จะเป็นผู้นำที่ดี อบอุ่น แต่ท่านต้องใช้บุคลากรมากมาย เสียงบประมาณในสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องเสีย เพราะผู้นำต้องปรับตัวพัฒนาที่จะคิดได้ทั้งแบบกว้าง ๆ คือคิดภาพใหญ่ และคิดมองภาพแบบ ภาพเล็ก แต่ทั้งสองแบบ ปัจจุบันมันต้องไปด้วยกัน และผู้นำศตวรรษที่ 20 มักจะเป็นผู้จัดการแบบกึ่ง ๆ ภายในตัวครับ ไม่ใช่แค่ใช้คำสั่งและแบ่งปันนิมิต พูด นั่งรอเลขามาชงกาแฟ ให้อย่างเดียว

นี่คือสิ่งที่ผู้นำต้องพัฒนา และไม่เกี่ยวกับอายุจะมากแค่ไหน แต่ว่าท่านอยากจะให้พระเจ้าใช้ได้มาก และเหมาะกับยุคสมัยนี้มากแค่ไหนครับ
การพัฒนา สิ่งที่ผู้นำขาดไม่ได้ในศตวรรษที่ 20

ผู้นำคริสเตียนจะหวังพูดแค่บนธรรมมาส หรือแจกสูจิบัตร ประจำสัปดาห์ไม่ได้แล้ว เพราะปัญหาเรื่องราวต่าง ๆ ที่สมาชิก ทีมงานควรรู้ และรู้เรื่องจริง ๆ ทันเวลา จะช่วยปกป้องพวกเขาได้ เพราะทุกวันนี้โลกของสื่อ มีข้อมูลดิบ ข้อคิดเห็นและข้อวิจารณ์ ที่จริงและเท็จเสมอ จนเราไม่รู้อันไหนจริงกันแน่ ในส่วนชีวิตของเรา เสพแต่สื่อตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ยันถึงก่อนนอน และการเรียกร้องจากที่ทำงาน องค์กร คริสตจักรของท่าน ครอบครัวของท่าน ทำให้เราต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า ผมคิดง่าย ๆ นะครับ วันหนึ่ง ๆ เราต้องมีเวลาอ่านไบเบิ้ล เวลาทำงาน เวลากับครอบครัว เวลากับตัวเอง ออกกำลังกาย พักผ่อน และการเรียกร้องจากเหตการณ์ที่คิดไม่ถึงมาก่อน ดังนั้น เราจะควบคุมมันได้อย่างไร?

คอมพิวเตอร์ที่พิมพ์งานเพื่อจะได้แก้ไขได้ facebook ที่โพสต์ข้อความสื่อสารกับทีมงาน เพื่อไม่ต้องโทรศัพท์ตลอดเวลา อีเมล์แจ้งข่าวสารที่ถูกและป้องกันข่าวที่ไม่ดี หากใช้เป็น สามารถประหยัดค่าโทรศัพท์และรักษาสุขภาพหูของท่านได้ อีกอย่างเว็บไซต์ของหน่วยงาน หรือองค์กรปัจจุบัน สามารถใช้โอนเงิน สมัครสมาชิก ซื้อของ ดูสินค้า

หากเป็นองค์กร โบสถ์ เขาดูหน้าร้าน หรือหน้าตาทางเว็บไซต์เพื่อติดต่อ ดูกิจกรรมของท่าน ความเชื่อของท่านก่อนไปซื้อ หรือร่วมกิจกรรม ทำให้ประหยัดเวลา ได้ทำสิ่งควรทำจริง ๆ เพราะบางสัมนาเราดูทางเว็บ หรือซื้อซีดีมาฟังในคอมพิวเตอร์และทำงานไป เพราะเราคงไปทุกสัมนาไม่ได้ เราก็ฟัง และทำงานหลักไป ให้คำปรึกษา ผ่าน msnไปด้วย เพราะเหมือนอาจารย์เปาโลพูดว่า คนที่เป็นเจ้าของก็เหมือนไม่ใช่เจ้าของ แต่เราก็เรียนรู้จะควบคุม เป็นเจ้าของสิทธิที่เราจะเป็นได้ครับ ผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ ที่สามารถทำงานได้ทุกที่ด้วยครับ ไม่เสียเวลาเดิทาง ส่งของ ฯลฯ

( 1คร7; 30-31 และให้คนที่เศร้าโศกดำเนินชีวิตเหมือนกับมิได้เศร้าโศก และผู้ที่ชื่นชมยินดี ดำเนินชีวิตเหมือนกับมิได้ชื่นชมยินดี และผู้ที่ซื้อก็ให้ดำเนินชีวิต เหมือนกับว่าเขาไม่มีกรรมสิทธิ์เหนืออะไรเลย และคนที่ใช้ของโลกนี้ให้ดำเนินชีวิต เหมือนกับมิได้ใช้อย่างเต็มที่เลย เพราะระบอบของโลกนี้กำลังล่วงไป)
การสร้างทีมงานรายบุคคล

บางกรณีเราก็สร้างสอนแบบทีม บางกรณีเราก็สร้างตัวต่อตัว เพราะนิสัย ปัญหา จุดอ่อนของแต่ละคนต่างกัน

บางคนมี ความสามารถ แต่ไม่มีความจงรักภักดี บางคนมีครบหมดแต่เชื่อไม่ได้ในเรื่องการเงินหรือเวลา มีหลายคนมีศักยภาพดี แต่จริยธรรมไม่ดี หลายคนทุ่มเท แต่ขี้คุย หรือบางคนมีความสามารถและมีจริยธรรมไม่ดี ไม่ทุ่มเท

ด้วยเหตุนี้เราต้องแก้ไข ติดตามนิสัยแต่ละคน ทำงานร่วมกันไปด้วย แก้ไปด้วย ไม่พยายามมอบงานที่เขาเสี่ยงต่อความอ่อนแอนั้น เพราะเรารู้ว่าเขาแพ้เรื่องจริยธรรมการเงิน ขณะช่วยเหลือเขาก็อย่าให้เขาดูแลการเงิน และอย่าเอาจุดอ่อนของคนหนึ่ง มาตั้งเป็นกฎให้ทั้งทีม คนอื่นที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น ต้องมาตึงเครียดกับกฎใหม่ ๆ เพราะนิสัยคน ๆ เดียว

การสร้างทีมแบบตัวต่อตัวนั้นสำคัญ ลงทุนน้อยแต่คุ้มค่า ที่ผมพูดนี้กรณีท่านไม่สามารถหาคนได้ ไม่มีสิทธิเลือก

แต่หากท่านเลือกได้ มีคนให้เลือก ท่านจะเลือกทีมก็ควรหาคนที่มีความสามารถ ซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ และรับการสอนได้ ยำเกรงพระเจ้า ประกอบด้วยสติปัญญา แม้เขาอาจมีจุดอ่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ค่อย ๆ แก้ไป และสุดท้ายอยากหนุนใจว่าไม่มีใครดีพร้อม เมื่อท่านเป็นผู้นำ ท่านมีหน้าที่สร้างเขาขึ้นมา และสร้างจากคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวท่านนี่เอง
การเลือกทีมงานและการจ่ายราคา

องค์ประกอบใหญ่ ๆ ของการเลือกทีมงานของผู้นำนั้น คือ การจ่ายราคา เวลาเป็นกุญแจ หนึ่งของทีมงาน ที่จะยอมสละให้กับเราที่เป็นผู้นำในการนำและสร้าง

เมื่อท่านได้คนเหล่านี้มาเป็นทีมงาน ควรสร้างและดูแลคนเหล่านั้นแตกต่างกันไป อย่าใช้สไตล์เดียว เวลาจึงสำคัญที่สุด และท่านจะสร้างและนำทีมให้มีประสิทธิภาพได้นั้นด้วยวิธีต่างกันในทีเดียว

แต่กุญแจก็คือเขาต้องจ่ายราคาเรื่องเวลาที่จะสร้างคน ผมอยากใช้คำว่า เราจะไม่ให้งานทำ หากเขาไม่ให้เวลาเราสร้าง หรือ อีกคำคือ คุณทำงานให้ผม แต่ผมตอบแทนคุณคือการสร้างคุณ

เพราะงานในองค์กรคริสเตียน โบส์ อาสาสมัคร การกุศล เป็นการทำทานด้วย อุทิศถวาย ตัว ไม่มีเงินตอบแทน แต่สิ่งที่เรามีให้คือการสร้าง มอบมรดกด้านทักษะ เวลาให้กับเขา และเขาเองต้องจ่ายราคาเช่นกัน
การเลือกผู้นำ

ผู้นำไม่จำเป็นต้องเก่งทุกเรื่อง แต่สามารถระดมจิตใจมวลชนมาเป็นหนึ่งเดียวกันและติดตามเขาไปได้ สิ่งที่ผู้นำที่ประสบความสำเร็จ คือ ความเข้าใจในทีมงาน ความรัก การเสริมสร้าง

วิธีการเสริมสร้างก็แตกต่างกัน เราจะเห็นตัวอย่างดาวิด คนที่เบื่อหน่ายกษัตริย์ซาอูลที่ขี้อิจฉา อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่รู้หน้าที่ การปกครอง วัน ๆ หาเรื่องแต่จะไล่ฆ่าดาวิด ทำให้ คนจน อันธพาล คนที่ไม่มีที่ไป ไปรวมตัวอาศัยกับดาวิด และดาวิดก็รู้วิธีการจัดการกับคนเหล่านี้เป็นอย่างดี
ดาวิดทำงานกับคน แม้ในครั้งหนึ่ง ทหารดาวิดไปสู้รบไม่ไหว ดาวิดก็ให้เฝ้าเมือง และให้ส่วนแบ่งกับผู้ไปรบด้วย

เราจะเห็นอีกมุม คือ ซาอูลกลับมีข้อกฎบังคับที่มีเพื่อตัวเอง ว่าหากสู้รบไม่ชนะ ใครอย่ากินข้าวกินน้ำ ไม่งั้นขอให้โดนแช่งสาป และลงโทษ แต่ปรากฎว่า สุดท้ายลูกชายของกษัติย์ซาอูลกลับกินน้ำผึ้ง ทำให้ชุ่มชื่นใจ และนำทีมไปรบจนชนะ

แต่ว่าโยนาทานลูกชายกษัตริย์ซาอูลไม่ได้ยินคำสั่งนั้น ผลคือเกือบจะต้องถูกฆ่า แต่มีเหล่าทหาร ข้าราชการขอร้องเอาชีวิตไว้

คุณจะเห็นความแตกต่างระหว่างผู้นำสองคนหรือยังว่าเราควรจะเลือกตามผู้นำแบบไหนดี

ข้อคิด ผู้นำที่ดีต้องมีสติปัญญา ยำเกรงพระเจ้า มีจริยธรรมดี และไม่กินสินบน
ผู้นำกับผู้จัดการ


ผู้นำจะมีบุคลิคหนึ่งคือ เขามีไอเดีย วิสัยทัศน์ นิมิต ตลอดเวลา บางทีอยู่กับเขา เราจะงงว่าเขาจะเอาอะไรกันแน่ นี่คือจุดที่เราต้องเข้าใจ เพราะผู้นำเขาจะมองทุกอย่างเป็นโอกาส และมีอะไรใหม่ ๆ เสมอ

สิ่งที่ผู้นำต้องมีคือ เขาควรถามพระเจ้าว่าพระเจ้าทรงเรียกเขาให้ทำอะไร และรู้จังหวะเวลา ว่าจะทำอะไรก่อน หลัง หากผู้นำไม่รู้การทรงนำหรือการทรงเรียก เขาจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามที่สิ่งแวดล้อมกระตุ้นนิมิตและสมองของเขา หรือโดยธรรมชาติของการนำ เขาจะมีอะไรใหม่เรื่อย ๆ ดังนั้นผู้นำที่ประสบความสำเร็จนั้น เขาต้องมีผู้จัดการที่ดี

ผู้จัดการจะนำเอานิมิต ภาระ สิ่งที่ผู้นำต้องการมาแยกแยะรายละเอียด และลำดับความสำคัญก่อนหลัง เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จได้ ดังนั้นเราจะเห็นผู้จัดการและผู้นำภายในคนเดียวน้อยมาก ยิ่งจะทำการใหญ่ต้องมีสองคนนี้เสมอไป เพราะผู้นำมักใช้ปาก ท้าทาย แต่ทำไม่เก่ง ไม่ได้ แต่ผู้จัดการใช้ทักษะ สมอง ระดมคน เงิน มาจำแนก ทำให้นิมิตผู้นำสำเร็จ

แต่สองคนนี้จะขาดกันไม่ได้ เพราะผู้จัดการแม้จะเก่งแค่ไหน แต่ท่านไม่ใช่ผู้นำ ท่านพูดท้าทายอะไร มวลชนก็จะไม่ตาม เพราะไม่ใช่ผู้นำ ท่านถูกเรียกมาให้จัดการนิมิตผู้นำให้สำเร็จ วันนี้ท่านคิดดูว่า ท่านเป็นผู้นำหรือผู้จัดการ

Visitor counter