ผู้นำกับการเคลื่อนในการฟื้นใจดังแม่น้ำ

เวลานี้พวกเราที่เคลื่อนในแม่น้ำของพระเจ้า มีประสบการณ์ในการกระโดดลงในแม่น้ำ แห่งการเจิม การเยียวยา การทรงสถิตของพระองค์ลึกลงตามลำดับ เมื่อเรากระโดดลงไปในแม่น้ำแห่งชีวิตที่ไหลเข้ามาสู่ชีวิตคริสตจักรของเรา เราควรจะเข้าใจจุดประสงค์ของการดื่ม การก้าวลงไปในแม่น้ำของพระองค์

คำว่า แม่น้ำ ในพระคัมภีร์ถูกใช้เป็นสถานที่ตั้งเมืองและตั้งรกรากที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ ยังใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น ยอห์นใช้ในการรับบัพติสมา หรือนาอามานใช้จุ่มตัวเพื่อรักษาโรค (2 พกษ.5:14)

ในพระคัมภีร์เดิม แม่น้ำยูเฟรติสเป็นแม่น้ำสายพิเศษ และมักใช้คำว่า "The River" (เอสรา 4:10) มักถูกใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์กำหนดเขตแดนชาติอิสรา (ปฐก. 15:18; ฉธบ. 1:7) ถูกครอบครองในช่วงสั้น ๆ ในสมัยของดาวิดและซาโลมอน (2 ซมอ. 8:3; 1 พกษ 4:21) เขตแดนนี้ต้องสูญเสียไปในที่สุด แต่ก็ยังได้รับการยืนยันจากบรรดาผู้เผยพระวจนะว่าเป็นพระสัญญาของพระเจ้า (อสย. 27:12; มีคาห์ 7:12). นอกจากนี้ แม่น้ำยูเฟรติสยังเป็นเครื่องหมายทางภูมิศาสตร์ของเขตแดนระหว่างเมโสโปเตเมียกับอัสซีเรีย

แม่น้ำของสวนเอเดน ซึ่งประกอบด้วยแม่น้ำยูเฟรติสและไทกริส เป็นสัญญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ที่พระเจ้าประทานให้ (ปฐก. 2:10-14) แนวความคิดนี้ยังครอบคลุมไปถึงภูเขาซีโยน ซึ่งเล็งถึงพระพรของพระเจ้า (สดด.46:4; อสค.47:5-12) และเยรูซาเล็มใหม่ (วว.22:1-2)

คำว่าแม่น้ำ มักถูกใช้เพื่อแสดงถึงความปีติยินดีของพระเจ้า (สดด.36:8) สันติสุข (อสย.48:18; 66:12) ชีวิต (ยน.7:38) น้ำตา (พคค.3:48) ทั้งยังใช้ในความหมายถึงสิทธิอำนาจในการควบคุมเหนือธรรมชาติของพระเจ้า (สดด.107:33; อสย.42:15)
________________________________________

บางคนใช้คำนี้ หมายถึง การฟื้นฟู เราอยู่ในแม่น้ำของพระเจ้าจึงหมายถึง เราอยู่ในคลื่นการฟื้นฟูของพระเจ้า
________________________________________

เหมือนดังบทเพลงที่ร้องกันอย่างแพร่หลายว่า "สายน้ำไหลหลาก จากบนภูเขา นำเอาความชื่นบานสู่ทุก ๆ ที่ที่ผ่านไป" แม่น้ำแห่งชีวิตนี้ คือการเคลื่อนของพระวิญญาณของพระเจ้าในการฟื้นฟู (อสค.47) ได้นำเอา
“...วาระพักผ่อนหย่อนใจ...มาจากพระพักตร์พระเจ้า” (กจ 3:19) จริง ๆ




แต่แม่น้ำของพระเจ้าเป็นมากกว่าความชื่นบาน ในขณะที่หลายคนพอใจเพียงแค่ยืนอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ อยู่ในการทรงสถิตย์ของพระเจ้า แต่แม่น้ำไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่นั้น แม่น้ำยังทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อแหล่งน้ำในที่ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน แม่น้ำต้องไหลออกไปในธรรมชาติ แม่น้ำไม่ได้เพียงแต่ไหลไปไหลมาเท่านั้น แต่จะต้องไหลไปสู่ทะเล มหาสมุทร หรือแม่น้ำสายอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน

การฟื้นฟูไม่ได้จบแค่มีประสบการณ์ แล้วจบในตัวเองแค่นั้น แต่ต้องหมายถึงการขยายออกไป โดยการชำระในแม่น้ำแห่งการฟื้นฟู เราจะได้รับการชำระให้สะอาด ยอมจำนนที่จะเคลื่อนไปกับพระวิญญาณ ได้รับความสดชื่น และได้ใช้ของประทาน

ยิ่งกว่านั้น แม่น้ำแห่งการฟื้นฟูที่แท้จริงจะต้องขยายออกไปยังดินแดนที่แห้งแล้ง และไปถึงคนที่หลงหาย ไม่ใช่จบแค่ในคริสตจักร หรือเซลของเรา

เช่นเดียวกับแม่น้ำที่ต้องมีทางออก แม่น้ำก็ต้องมีต้นน้ำด้วย และต้นน้ำต้องอยู่สูงกว่าแม่น้ำเอง มันอาจไหลลงมาจากภูเขา แต่มันก็จะไม่หยุดอยู่ตรงนั้น มันจะไหลลงไปสู่ที่ต่ำกว่า ไปยังหุบเขา เมื่อมันไหลอย่างอิสระ แม่น้ำของพระเจ้าจะเชื่อมความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า (ภูเขา) ไปยังที่ที่ต้องการ (หุบเขา) ภูเขายิ่งสูง น้ำยิ่งไหลแรง หุบเขายิ่งลึง น้ำก็ยิ่งไหลแรง น้ำยิ่งไหลแรง อำนาจของมันก็ยิ่งมาก

แม่น้ำไม่ไหลสะเปะสะปะ มันมีทิศทางของมัน น้ำไม่เคยไหลจากฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งตะวันตก หรือไหลขึ้นแล้วไหลลงอย่างไร้จุดหมาย มันมีระเบียบของมัน ไหลไปตามทางของมัน และไหลไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก สิ่งเหล่านี้ เปรียบเหมือนกับความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและการยอมจำนนในพระกาย เมื่อมันออกนอกลู่นอกทางอย่างควบคุมไม่ได้ ก็จะก่อให้เกิดน้ำท่วม ถึงแม้ว่าจะมีหลายคนมองการฟื้นฟูว่าเป็นความบ้าคลั่งที่ไร้ระเบียบ

แม่น้ำช่วยเปลี่ยนสภาพทางภูมิศาสตร์ สร้างให้เกิดความสวยงาม ช่วยขัดให้หินเรียบลื่นขึ้น นำสิ่งต่าง ๆ ลงมาจากภูเขา สร้างความประทับใจในรูปแบบต่าง ๆ ที่มันไหลผ่านไป นี่เป็นภาพของการฟื้นฟูที่แท้จริง ซึ่งจะเปลี่ยนชีวิตของเรา และคนรอบข้างที่ได้สัมผัสชีวิตของเรา เราจะไม่เป็นเหมือนเดิม อีกต่อไป

แม่น้ำสามารถเป็นแหล่งของพลังงานเมื่อถูกนำไปใช้อย่างถูกต้อง ซึ่งหมายถึงความมีวินัยฝ่ายวิญญาณ แต่เพราะว่าแม่น้ำต้องไหลไป มันจึงไม่มีรูปแบบ ไม่สามารถตรึงเอาไว้ (ไม่มีแม้น้ำแข็ง มีแต่ทะเลสาปแข็งเป็นน้ำแข็ง เพราะแม่น้ำไหลตลอดเวลา แต่ทะเลสาปอยู่นิ่ง ๆ)

• แม่น้ำจะนำเอาสิ่งที่ไม่ขัดขืนมัน ยอมไหลตามมันไปด้วย แค่เพียงแต่อยู่ในแม่น้ำเฉย ๆ เท่านั้น โดยไม่ขัดขืน เช่นเดียวกัน พระเจ้ามีวิธีการของพระองค์ในการเคลื่อนในเรื่องการฟื้นฟู สิ่งที่เราต้องทำมีอย่างเดียวคือ เชื่อฟังและทำตาม ไหลไปตามกระแสของมัน อย่าดื้อดึง แล้วมันจะพาเราไปเอง

• แม่น้ำไม่ได้ไหลเป็นเส้นตรง มันโค้งไปมา ทางของพระเจ้าก็เช่นกัน ไม่สามารถคาดเดาได้ พระองค์ไม่ได้ทำอย่างเดียวกันทุกครั้ง ไม่เช่นนั้น เราคงสามารถผลิตการเคลื่อนของพระเจ้าได้เอง (มีคนเคยพยายามแล้ว แต่ไม่สำเร็จ!)




โดยธรรมชาติแล้ว ความลึกของแม่น้ำมักจะสัมพันธ์กับความกว้าง ยิ่งเราลึกกับพระเจ้ามากเท่าไหร่
• หมายสำคัญและการอัศจรรย์ก็ยิ่งมากเท่านั้น เช่น การรักษาโรค การเผยพระวจนะ ขึ้นอยู่กับระดับของการไหลไปกับการฟื้นฟู ยิ่งมาก เราก็จะมีประสบการณ์ในฤทธิ์อำนาจมาก

• แม่น้ำชะล้างให้สะอาด แน่นอนว่านี่เล็งถึงความบริสุทธิ์ แม่น้ำแห่งชีวิตนั้นจะใสราวกับกระจก (วว.22:1) เพราะว่าน้ำนั้นไม่เปื้อนโคลน จึงไม่มีสิ่งในโลกนี้ปะปนมากับน้ำ

แม่น้ำแห่งชีวิต รักษาชีวิตที่อาศัยอยู่ในนั้น และนำน้ำแห่งชีวิตไปยังทุก ๆ ที่ที่มันไป ดังที่เอเศเคียล 47:7-9 กล่าวว่า “ต้นไม้มากมายอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำทั้งสองฟาก …แม่น้ำนั้นไปถึงที่ไหน สัตว์มีชีวิตที่อยู่กันเป็นฝูงก็จะมีชีวิตได้ และที่นั่นมีปลามากมาย เพราะว่าน้ำนี้ไปถึงที่นั่นน้ำทะเลก็จืด เพราะฉะนั้นแม่น้ำไปถึงไหน ทุกสิ่งก็มีชีวิต”


Visitor counter